การทำงาน

เทคโนโลยีคำสั่งเสียง เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้

หากกล่าวถึงโลกของเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคสมัยนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอีกต่อไป หากเราออกเดินไปบนท้องถนนแล้วพบกับใครบางคนที่กำลังทำท่าเหมือนคุยอยู่กับใครอีกคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่มีเขาผู้นั้นยืนอยู่เพียงลำพัง เทคโนโลยีคำสั่งเสียงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของคนในสังคมเพิ่มมากขึ้น ทุกวันนี้หากใครมี Smartphone อยู่กับตัวก็คงอาจจะเคยทดลองใช้งานคำสั่งเสียงอย่างแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า SIRI หรือ Google Assistant กันมาไม่มากก็น้อย

เทคโนโลยีคำสั่งเสียง เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์สามารถพูดคุยสั่งงานกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้ ผ่านการจดจำเสียง หลักการเบื้องต้นทั่วไปของการใช้งานคำสั่งเสียง เริ่มจากผู้ใช้งานเข้าไปตั้งค่าให้อุปกรณ์จดจำน้ำเสียงของตนเอง จากนั้นทุกครั้งที่มีการพูดคุยหรือสั่งงานกับอุปกรณ์ที่ถูกตั้งค่าให้จดจำน้ำเสียงนั้น ๆ ไว้ ก็จะเกิดการประมวลผลและตอบสนองต่อคำสั่งที่ได้รับ โดยเทคโนโลยีคำสั่งเสียงประกอบไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า Deep Learning ซึ่งจะทำหน้าที่รับคำสั่งเสียงที่ได้มาแปลงเป็นตัวอักษรเพื่อให้อัลกอริทึมของระบบนำข้อมูลนี้ไปแปลงเป็นภาษาที่ทำให้อุปกรณ์เข้าใจแล้วสามารถสนองตอบต่อความต้องการของผู้ใช้งานได้ โดยกระบวนการทั้งหมดนี้เรียกว่า กระบวนการประมวลผลทางภาษา (Natural Language Processing: NLP)

ในยุคของโลกดิจิทัลได้มีการนำเอาเทคโนโลยี Internet of Things เข้ามามีบทบาทต่อการสั่งงานระหว่างผู้ใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีคำสั่งเสียงก็ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี Internet of Things เหล่านี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานด้วยคำสั่งเสียงกับเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ รถยนต์ เป็นต้น ด้วยความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีคำสั่งเสียงนี้ ส่งผลให้มนุษย์สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นเพราะมีผลการวิจัยกล่าวว่าการใช้คำสั่งเสียงช่วยให้สมองของมนุษย์ลดภาระการทำงานไปได้ในระดับหนึ่ง และนอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้งานของสายตาจากการจ้องมองหน้าจออุปกรณ์ต่าง ๆ มากเกินไป

จากประโยชน์ต่าง ๆ ที่กล่าวมาทำให้ทราบว่าเทคโนโลยีคำสั่งเสียงมีข้อดีมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นข้อด้อยก็มีมากเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เสียงรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอกอาจทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถเข้าใจคำสั่งเสียงได้ในทันที อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการประมวลผลนานพอสมควร นอกจากนี้ระยะทางจากแหล่งกำเนิดเสียงของผู้ใช้งานกับตัวอุปกรณ์ยังมีผลค่อนข้างมาก เนื่องจากหากระยะทางไกลเกินไปคำสั่งเสียงที่อุปกรณ์ได้รับอาจไม่ชัดเจนและในบางครั้งคำสั่งอาจไม่เป็นส่วนตัวและเสียงอาจรบกวนผู้คนรอบข้างได้ และที่สำคัญระบบภาษาที่อุปกรณ์สามารถรองรับได้ก็เป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งมีภาษาที่ค่อนข้างยุ่งยากสลับซับซ้อนต่อการประมวลผล จึงอาจทำให้การสื่อสารกับกับอุปกรณ์ยังเป็นไปได้ไม่ดีเท่าที่ควร

แต่ถึงอย่างไรก็ตามเทคโนโลยีคำสั่งเสียงนี้ก็ยังคงถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปและจะเข้ามามีบทบาทต่อผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ และเชื่อว่าไม่ช้าในอนาคตอันใกล้เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้งานไปตลอดกาล

ทำไมเราจึงต้องให้ความสำคัญกับอีเมล์

ทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะทำอะไรที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร และเทคโนโลยีบนคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน ก็จำเป็นที่จะต้องมีเรื่องที่ต้องใช้อีเมล์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ เพราะทุกกิจกรรมออนไลน์ สมัครแอปไหน หรือเปิดบริการอะไร ก็จะต้องมีการใช้อีเมล์ของเรา เพื่อยืนยันตัวตนทุกครั้งไป ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ยืนยันได้เลยถึงความสำคัญของอีเมล์ ที่เราใช้กันมานานตั้งแต่ไหนแต่ไร และเพื่อให้มองเห็นถึงความสำคัญของอีเมล์ที่เป็นมากกว่า User กับ Password ที่เราต้องจำแล้ว ลองมาดูเรื่องราวดี ๆ ที่เรานำมาฝากกัน

อีเมล์คือความปลอดภัยที่เราไว้ใจได้เสมอ

อย่างที่เราบอกไปในข้างต้น ว่าเรามักจะต้องใช้อีเมล์เพื่อยืนยันตัวตนในการสมัครและใช้บริการต่าง ๆ นั่นคือหนึ่งความปลอดภัยทางเทคโนโลยี ที่ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันหรือบริการอื่น ๆ รวมไปถึงผู้ใช้งานอย่างเราจะต้องให้ความสำคัญ เพราะทุกวันนี้ด้วยความกว้างไกลและรวดเร็วของการสื่อสาร ทำให้คนสามารถเข้าถึงกันได้ง่าย แน่นอนว่าก็ย่อมที่จะมีเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย การเชื่อมต่อบริการต่าง ๆ โดยผ่านตัวกลางผู้ให้บริการอีเมล์แอดเดรส ถือเป็นหนึ่งด่านรักษาความปลอดภัย ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจถึงการรักษาความลับของผู้ใช้อย่างเรา

การติดต่อ ทำงาน อีเมล์คือสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุด

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหน ในการทำงานของเรานั้นก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาทดแทนการติดต่อสื่อสารด้วยอีเมล์ได้ ถึงแม้ว่าใรตอนนี้จะมีการสื่อสาร ส่งข้อความ ออกมาหลากหลายรูปแบบ ที่สะดวกสบายและรวดเร็วมากกว่าการเขียนอีเมล์เป็นไม่รู้กี่เท่า แต่เชื่อไหมว่าถ้าหากคุณอยากจะติดต่ออะไรที่เป็นเรื่องงานหรือเรื่องจริงจัง ทุกวันนี้ก็ยังจำเป็นจะต้องส่งเป็นอีเมล์ให้คน ๆ นั้นอยู่ เพราะทั้งความน่าเชื่อถือ และรูปแบบที่เป็นมาตรฐานของอีเมล์นั่นเอง

การรับส่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถส่งไฟล์รูปภาพ เสียง คลิปวิดีโอที่มีขนาดใหญ่ผ่านทางผู้ให้บริการรายอื่นได้ แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าต้องการที่จะส่งไฟล์เอกสาร รูปภาพ ที่สำคัญจริง ๆ การแนบไฟล์ผ่านทางอีเมล์คือทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะสามารถทำได้ง่ายแล้ว ทั้งขนาดและคุณภาพของไฟล์ที่เราส่งไปนั้นก็จะยังคงเดิม เหมือนกับต้นฉบับที่เราส่งไปเลย โดยถ้าเป็นการส่งผ่านแอปพลิเคชั่นหรือช่องทางอื่น ไฟล์เหล่านั้นจะถูกลดขนาดลง และผู้รับก็ไม่สามารถนำไปใช้ต่อได้ดีเท่าไรนักด้วย แถมยังมีอายุการโหลดที่จำกัดอีกต่างหาก

อีเมล์นั้นเป็นทั้งสิ่งที่มีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่มีความสำคัญกับการใช้ชีวิต และทำงานของเรามากเลยทีเดียว อย่างนั้นแล้วเราจึงควรที่จะให้ความสำคัญ และเลือกใช้งานอีเมล์ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และคุณสมบัติของการใช้งานให้ดีด้วยนะ

 

ในการทำงานเราจำเป็นจะต้องรู้เทคโนโลยีมากขนาดไหน

สำหรับใคร ๆ ที่เพิ่งจะเรียบจบมาใหม่ หรือกำลังมองหางานประจำทำ นอกจากจะต้องเลือกสมัครงานที่ตรงกับสายที่เราเรียนมาและงานที่เราชอบแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราเชื่อว่าหลายคนคงกำลังสงสัยอยู่ก็คือว่า เราจำเป็นที่จะต้องมีความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีมากขนาดไหน เพราะเรารู้กันดีว่ายุคนี้ถ้าใครที่ตามเทคโนโลยีหรือใช้ไม่เป็น ก็จะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่พัฒนา แถมยังดูว่าจะเป็นการลดโอกาสได้งานของเราให้น้อยลงอีกด้วย และเพื่อความสบายใจของทุกคนเรามีไกด์ดี ๆ ในการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีที่จำเป็นกับการทำงานมากฝากกัน

โปรแกรมพื้นฐานต้องได้

ไม่ว่าใครถ้าคิดจะทำงานก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าคุณจะต้องรู้จักวิธีการใช้งานโปรแกรม Office พื้นฐาน และต้องใช้งานได้คล่องด้วย ทั้งโปรแกรม Word, Excel, Power Point นี่คือสามโปรแกรมการทำงาน Office ขั้นต้น ที่ไม่ว่าใครก็จำเป็นที่จะต้องใช้ให้เป็น ถึงแม้ว่างานที่คุณจะไปสมัครนั้นไม่ใช้งานที่จำต้องใช้โปรมแกรมพวกนี้เลยก็ตาม เพราะว่าเจ้าโปรแกรมทำงานนี้คือพื้นฐานขั้นต้นของโปรแกรมสำเร็จรูปหลาย ๆ อย่าง หรือเรียกได้ว่าถ้าคุณสามารถใช้โปรแกรมที่ว่ามานี้ได้คล่องแล้ว ต่อไปเจอโปรแกรมใหม่ ๆ ก็สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากเลย

อย่าลืมเรียนรู้โปรแกรมหรือเทคโนโลยีเฉพาะสายอาชีพเอาไว้ด้วย

เพราะงานแต่ละงาน อาชีพของแต่ละคนนั้นก็จะมีรูปแบบและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละสายงานก็จะมีโปรแกรมหรือเทคโนโลยีเฉพาะทางที่คนในสายงานนั้น ๆ นิยมใช้กัน อย่างเช่นในงานสายบัญชีหรือการเงิน ก็จะมีโปรแกรมสำหรับลงบัญชีและคิดคำนวนค่าใช้จ่าย ซึ่งถ้าใครมาทางนี้ก็จะต้องใช้เป็น หรือในสายงานอาร์ท ครีเอทีฟ ก็จะมีโปรแกรมออกแบบ ตัดต่อ ที่จำเป็นจะต้องใช้ ฉะนั้นแล้วถ้าใครที่มาทางสายอาชีพไหนแล้ว ยังไม่รู้จักใช้โปรแกรมหลัก ๆ เหล่านี้ก็ต้องรีบหาที่เรียนกันด่วน

อย่าปิดกั้นความรู้ให้อยู่แค่ที่เดิม แต่ควรจะศึกษาและเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ

จริงอยู่ที่ว่าเฉพาะโปรแกรมหรือเทคโนโลยีที่เราได้บอกไปแล้วนั้น เพียงพอต่อการนำไปใช้สมัครงานและทำงานจริงแล้ว แต่เพื่อความก้าวหน้าและความโดดเด่นในเรื่องของความสามารถที่มากกว่า การที่เรามีความรู้ในเรื่องของโปรแกรมและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่มากกว่าจะช่วยให้เรามีโอกาสในการทำงานที่มากกว่าคู่แข่งด้วยเช่นเดียวกัน

อย่างนั้นแล้วใครที่กำลังจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการทำงาน ก็อย่าลืมที่จะเรียนรู้และใช้งานเทคโนโลยีให้เป็นเอาไว้ด้วย ที่สำคัญก็อย่าลืมพัฒนาความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีอยู่เสมอด้วยนะ จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในการทำงานยังไงล่ะ