เสียบปลั๊กในห้องน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร เทคโนโลยีปลั๊กไฟกันน้ำได้ 100 เปอร์เซ็นต์

                หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่จำฝังใจตั้งแต่เด็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องของการโดนไฟดูด อาจจะเป็นเพราะกระแสไฟฟ้ารั่วไหล หรือมีเรื่องของน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทุกคนทราบกันดีว่าน้ำกับไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องแยกให้ห่างกันเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันสามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลย

แต่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่พึ่งจะเปิดตัวมาไม่นานมานี้ ทำให้เราไม่ต้องเป็นห่วงหรือเป็นกังวลเรื่องกระแสไฟฟ้ากับน้ำอีกต่อไป เพราะได้มีการพัฒนาปลั๊กไฟ ที่สามารถโดนน้ำได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถที่จะใช้งานในน้ำได้เลย โดยไม่มีกระแสไฟไหลออกมา 100 เปอร์เซ็นต์

ปลั๊กไฟกันน้ำที่น่าสนใจ โปรดใช้วิจารณญาณก่อนนำมาใช้

                 เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากปีนึงมีคนเสียชีวิตจากการโดนไฟช็อตไปจำนวนไม่น้อย ดังนั้นเรื่องของการใช้งานไฟฟ้าเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นเด็กเล็ก หรือคนชราด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงบ้านคนหรือโรงแรมหลายที่ในตอนนี้เริ่มมีปลั๊กไฟไว้ในห้องน้ำ อาจจะไว้ใช้เสียบไดร์เป่าผม หรืออาจจะไว้ใช้ชาร์จแบตโทรศัพท์ ซึ่งแน่นอนว่าคนจำนวนมากในตอนนี้นำเอาโทรศัพท์เข้าไปเล่นในห้องน้ำด้วย

จากปัญหาที่กล่าวมาเหล่านี้ ยิ่งทำให้เรื่องไฟฟ้ากับน้ำเป็นที่น่ากังวลขึ้นไปอีก แต่ปัญหาเหล่านี้อาจจะหมดไปด้วยปลั๊กไฟกันน้ำ ที่ถูกผลิตขึ้นและจดสิทธิบัตรให้ใช้งานได้สิบประเทศแล้ว ซึ่งคุณสมบัติของมันก็คือมันสามารถที่จะกันน้ำได้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่กระเด็นใส่ หรือจะนำปลั๊กลงไปใช้งานใต้น้ำ ก็สามารถใช้งานได้โดยที่น้ำไม่หลุดเข้าไปในปลั๊กเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งได้พิสูจน์จากการทดลองของทางทีมผู้พัฒนาไปเรียบร้อยแล้วด้วยสองวิธี หนึ่งคือการน้ำปลั๊กไฟที่ไว้เสียบ และหลอดไฟแก้ว ลงไปเสียบใต้น้ำด้วยมือเปล่า โดยผลที่ได้ก็คือหลอดไฟติดสว่างได้ตามปกติใต้น้ำ โดยที่คนที่ทำการเสียบปลั๊กไฟใต้น้ำไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ต่อมาคือการเสียบปลั๊กในห้องน้ำไว้ จากนั้นทำการใช้ฝักบัวฉีดน้ำอัดตัวปลั๊กไฟไว้ ซึ่งการทำงานของมันก็ไม่มีปัญหา ไม่มีกระแสไฟฟ้ารั่วออกมาแม้แต่นิดเดียว ถือเป็นการพิสูจน์ได้ว่ามันสามารถที่จะกันการรั่วซึมของน้ำได้

แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีคนสันนิษฐานว่าน้ำที่ใช้ในการทดลองนั้น อาจจะเป็นน้ำกลั่นที่ไม่ได้เป็นน้ำที่นำไฟฟ้าแบบปกติหรือเปล่า ซึ่งในข้อนี้เราก็ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ที่แท้จริงได้ ดังนั้นเราควรที่จะรอให้เทคโนโลยีตัวนี้นิ่งกว่านี้ และออกมามีการยอมรับที่แน่นอนกว่านี้ก่อนที่จะหาซื้อมาใช้งานกันจะดีกว่า เนื่องจากเป็นเรื่องของความปลอดภัยของชีวิต จึงไม่คุ้มที่จะเสี่ยงในตอนนี้ แต่คงจะอีกไม่นานเกินรอแน่นอน